1.เหลือแบตฯอย่างน้อย 30% แล้วค่อยชาร์จไฟ ปกติแบตเตอร์รี่ที่ใช้ในมือถือจะเป็นแบบ ลิเทียมไอออน ซึ่งจะดีกว่าแบตฯในสมัยก่อนที่เราต้องใช้ให้เหลือน้อยที่สุดถึงจะชาร์จไฟ การที่เหลือแบตเตอร์รี่ไว้สัก 30% จะช่วยลดโอกาสชาร์จครบรอบ(ส่วนมาก แบตเตอร์รี่มือถือจะสามารถชาร์จครบรอบได้สูงสุด 300 รอบ) ยิ่งแบตฯชาร์จครบรอบน้อยลงเท่าไหร่ แบตเตอร์รี่จะสามารถเก็บไฟให้ตัวเครื่องใช้ได้เต็มประสิทธิ์ภาพและลดโอกาสแบ ตฯ เสื่อมก่อนไวอันควร

2.ชาร์จแบตเตอร์รี่เต็ม ควรถอดปลั๊กออก การทำแบบนี้นอกจากป้องกันเหตุไฟรั่วหรือแบตเตอร์รี่ร้อนเมื่อต้องใช้งาน ระหว่างชาร์จไฟแล้ว ยังป้องกันกระแสไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอร์รี่มากจนนำไปสู่ภัยอันตรายภายในบ้านได้ เช่นเดียวกัน

3.หลีกเลี่ยงการชาร์จไปใช้ไป เพราะการใช้งานไปด้วยและชาร์จไฟไปด้วยนั้น กระแสไฟฟ้าที่เข้าแบตเตอร์รี่นั้นจะถูกดึงออกไปใช้งาน เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เครื่องร้อนและชาร์จไฟได้ช้าลง ผลร้ายแรงกว่านั้นคือจะทำให้แบตเตอร์รี่เสื่อมเร็วขึ้นได้

4.เวลาเข้านอน ควรปิดเครื่องแล้วค่อยชาร์จไฟ เพราะเมื่อมือถือชาร์จไฟเต็ม เครื่องจะตัดไฟจากสายชาร์จไฟทันที เพื่อไม่ให้ไฟเข้าเกินความจำเป็น เมื่อเราตื่นนอนมาแล้วถอดสายชาร์จแล้วเปิดเครื่อง คุณจะพบว่าแบตเตอร์รี่จะเต็ม 100% โดยตัวเครื่องไม่มีความร้อนสูง

5.เลือกใช้สายชาร์จ กับปลั๊กชาร์จไฟที่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน สายชาร์จอุปกรณ์ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กระแสไฟฟ้าเข้าสู่อุปกรณ์ได้ ต่อเนื่องและราบรื่นที่สุด และมีส่วนช่วยให้ชาร์จไฟเข้าเครื่องเร็วขึ้นอีกด้วย หากสายไฟนั้นขาดในหรือมีปัญหา กระแสไฟฟ้าจะไม่เข้าไปในเครื่อง หรืออาจจะเกิดไฟรั่วกระทบต่อตัวผู้ใช้เองได้

    และนี่คือ 5 วิธีนี้เป็นคำแนะนำง่าย ๆ เพื่อให้ให้แบตเตอร์รี่มือถือของคุณใช้งานได้นาน ๆ ลดความกังวลในเรื่องการนำเครื่องเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่ให้เสียเงินก่อนเวลา อันควร แนะนำว่า คนที่ใช้มือถือแบตเตอร์รี่แบบไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ควรปฏิบัติตามอย่างยิ่ง